วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ธงชาติเคลื่อไหวประเทศไทย
     
             เปิดรั้วเมืองไทย
   ก้าวเข้าสู่ความเป็นอาเซียน

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations :ASEAN)
"We are asean"

วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งประชาคมอาเซียน

  1. ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญก้าวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม 
  2. ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค
  3. ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการวิทยาศาสตร์และการบริหาร 
  4. ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
  5. ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า คมนาคม สื่อสาร การดำรงชีวิต
  6. ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  7. ส่งเสริมการร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ   

อาเซียนกับการจัดการศึกษาไทย  


บุคลากรการศึกษาไทยร้อยละ 70-80 มีความรู้เกี่ยวกับอาเซียนน้อยมาก รวมไปถึงเด็กนักเรียนไทยเช่นกัน พบว่าเด็ก 8 คน จาก10คน ไม่กล้าไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียน แต่เมื่อถามเด็กนักเรียนประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียน พวกเขามีความต้องการเข้ามาทำงานที่เมืองไทย สาเหตุที่ทำให้นักเรียนไทยเป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เยาวชนไทยอ่อนภาษาอังกฤษเป็นอันดับ 42 จากทั้งหมด 44 ประเทศ จากลำดับบอกได้ว่าเยาวชนไทยมีทักษะภาษาอังกฤษไม่สามารถสู้กับประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนได้  เลขาธิการสภาศึกษา ย้ำว่าประเทศไทยไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างเป็นระบบ  โดยผู้เรียนไม่ทราบว่าเรียนไปเพื่ออะไร 
                      แนวทางการแก้ไขปัญหา
ต้องมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วนในวงการศึกษาไทย เพื่อพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพสู่ระดับสากล ร่วมทั้งหน่วยงานภาครัฐควรสนับสนุนเรื่องการใช้ภาษาให้กับนักเรียนทุกคนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สิ่งสำคัญการพัฒนาศักยภาพของเด็ก ไทยให้มีความรู้ใน  3 ด้าน คือ
1. ทักษะทางภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้านของอาเซียน ซึ่งครูต้องผลักดันให้เด็กกล้าพูด และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ครูต้องเป็นผู้นำถ่ายทอดให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ ส่งเสริมให้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน
3. ทักษะวิชาชีพ ต้องเร่งพัฒนาทักษะอาชีพให้แรงงานไทยมีฝีมือ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้

อาเซียนกับการศึกษาระดับบัณฑิต



สำนักงานการอุดมศึกษา(สกอ.) มีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้บัณฑิตไทยมีความรู้ความสามารถในระดับสากล โดยวางยุทธศาสตร์ไว้ 3 ประการ คือ
1. การเพิ่มขีดความสามารถของบัณฑิตให้มีคุณภาพในมาตราฐานสากล
พัฒนาสมรรถนะการใช้ภาษา ในระดับใช้ในการทำงานได้ รวมทั้งนำไปใช้ในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของบัณฑิตไทย
2.การพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาประชาคมอาเซียน
พัฒนาอาจารย์และบุุคคลทางการศึกษา ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนให้มีคุณภาพระดับสากล
3. การส่งเสริมบทบาทของอุดมศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน
ส่งเสริมความเป็นผู้นำของสถาบันอุดมการศึกษาไทยในการสร้างประชาคมอาเซียนโดยเฉพาะด้านสังคม วัฒนธรรมอาเซียน ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน

ประเด็นที่บัณฑิตไทยกังวลใจ

          "เก้าอี้งานของบัณฑิตไทยจะลดลงหรือไหม                             

                                                             เมื่อเปิดเสรีอาเซียน"  

อาเซียนในทัศนะคติของฉัน

        ในฐานะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่จบการศึกษาปี 2554 ถึงแม้ยังไม่เข้าสู้ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว แต่หน่วยงานทุกหน่วยงานกำลังเตรียมตัวเข้าสู้ประชาคมอาเซียน การเปิดรับสมัครงานก็มีความเข้มข้นในการคัดเลือกเข้าทำงานประเด็นที่น่าทุกข์ใจที่สุดคือ เรื่องทักษะการใช้ภาษาในการสื่อสารซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่จะประกันความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ดิฉันคิดว่าจะต้องมีการศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อการติดต่อสื่อสารเพิ่มเติม เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะให้กับตนเอง อันจะส่งผลต่อการทำงานในทางที่ดีขึ้น และยังเป็นทางเลือกให้กับนายจ้างในการคัดเลือกเข้าทำงาน ที่สำคัญเราจะต้องมีความกระตือรือร้นทางวิชาการหรือในวิชาชีพของตนเองให้มากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่ 7อาชีพที่สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรีในประชาคมอาเซียน หากตัวเรามีคุณภาพ เราก็สามารถเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนได้โดยไร้ขีดจำกัด 


3 คำ สำหรับการศึกษา

                ไม่ (แก่ สาย ขาย)



                                ถ้าอยากได้ต้องทำเองจร้า

(เรเร่)                        


วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ย้อนวันวาน

เกิดเป็นเรย์ได้ไง555
หญิงสาวผู้หนึ่งมีชื่อเสียงเรียงนามว่า นางจำรูญ  ผลมูล (มารดาของฉัน) กำลังตั้งท้องลูกน้อย แต่ท่านก็ยังสวยบาดตาใจผู้ชายหลายๆคน โดยเฉพาะคุณพ่ออันเป็นที่รักของฉัน 55555 

แม่กำลังตั้งท้องฉัน  (แม่สวยจังเลย) อิอิอิ


คืนวันที่ท้องฟ้ามีดวงดาวระยิบระยับ มีแสงจันทร์สาดสีอมส้ม สว่างไสว(คุณยายเล่าสู่กันฟังค่ะ) ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ.2533 แม่เจ็บปวดท้องมากมาย เพราะความซุกซนของฉัน เมื่อเวลา 22.04 นาที ตัวฉันได้ทะลุพุ่งตรงออกมาจากผนังท้องแม่ "เก่งจริงๆเราผ่านผนังมาตั้งหลายชั้น" พร้อมทั้งโชว์พลังเสียงให้พ่อ แม่ พี่ น้องได้รับฟัง เพลงแรกที่โชว์ลูกคอคือ "อุแว อุแว อุแว" เสียงดีจริงๆๆร้องทั้งวันทั้งคืน 
การ์ตูน เด็กทารก
ตาบ๋องแบ๊วจังเลย แม่หญิง อารมณ์ดีตลอดเวลานะเราอะ
มีชายคนหนึ่งชื่อว่า นายวิรัตน์ ผลมูล (บิดา) เดินเข้ามาจองมองดูตัวฉันด้วยความดีใจ (ย่าเล่าให้ฟัง555) เขามาพร้อมกับคำว่า "จารีพร" แปลว่า ผู้หญิงสวย ท่านเลยมอบสิ่งนี้ให้กับฉัน "เด็กหญิงจารีพร  ผลมูล"  และมีชื่อเรียกสั้นๆตามวงการคือ "เรย์" เพื่อเตรียมพร้อมเป็นผู้อาศัยในทะเบียนบ้าน บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 10 ตำบลวังไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพรค่ะ

ซนมากนะเราเดี๋ยวแม่จะพาไปเที่ยว......ไปไหนค่ะแม่ เย้ๆๆไปเทวกัน
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังทอง
เมื่ออายุ 2 ปี แม่ทนกับความซุกซนไม่ไหวแล้ว ต้องพาไปโรงเรียนเพื่่อหาผู้ช่วยตี เพื่อลดอาการซน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านวังทอง คือโรงเรียนแห่งแรกของเรย์ค่ะ ความเป็นเอกลักษณ์ของเรย์ตอนนั้นคือ (ตัดผมสั้น หน้าม้า ผมตรง ฟันหน้าหายไป 2 ซี่ สวมรองเท้าแตะสีฟ้าไปโรงเรียน) 555 ใครๆก็เรียกว่า
"เรย์ขาโจ๋" กิจกรรมที่เรย์ชอบมีส่วนรวมของโรงเรียนคือ การเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในทุกๆเช้า ชอบมากๆเลยค่ะ (เป็นเหตุให้มาโรงเรียนก่อนใครๆ) เด็กขยันเรียนอะนะ ขยันมาเล่น
ถูกใจเรย์โจ๋
อนุบาลเมืองชุมพร วัดสุบรรณนิมิตร
เอ๊ะนี่ก็อายุ 4 ปีแล้วนะ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนที่เที่ยวไหมอีกแร้วเรา ต้องไปศึกษาในสถานศึกษาแห่งใหม่ คือ ร.ร. อนุบาลเมืองชุมพร วัดสุบรรณนิมิต ได้เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เอกลักษณ์เฉพาะตัวในวัยคือ อ้วน ดำ ตัดผมสั้นหน้าม้า วัยนี้เริ่มลดระดับความซนลงมาเยอะมาก เพราะทนเจ็บปวดกับไม้เรียวไม่ค่อยไหวแล้วค่ะ เรย์ขาโจ๋ขอลาวงการซนค่ะ แต่กลับมาเป็นเด็กที่ค่อนข้างพูดมาก คุยตลอดโดยเฉพาะเวลาเรียน 555 ก็เป็นเด็กอารมณ์ดี อารมณ์ขัน ขันได้ทั้งวันนะเรา   จารีพร!!!! 
โรงเรียนของหนูค่ะ
สอาดเผดิมวิทยา                                                                                                       เมื่ออายุครบ 12 ปี เป็นช่วงชีวิตที่ต้องก้าวไปสู่โลกกว้างอีกระดับหนึ่งของการศึกษา คือ ร.ร. สอาดเผดิมวิทยา เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชุมพร เดิมเป็นโรงเรียนสตรี เป็นสถานศึกษาชั้นนำของจังหวัดชุมพร เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กๆทุกคน ได้เรียนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาที่ 6 (มัธยมปลายเรียนแผนการเรียนวิทย์-คณิต) ยากมากจบมาได้เพราะมีตัวช่วย555 เพื่อนๆที่แสนดีค่อยให้ลอกการบ้าน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากเพราะมีการสร้างสรรค์วีรกรรมมากมายกับบรรดาเพื่อนๆ อะอะ มีวีรกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมนะ  แต่ที่ไม่สร้างสรรค์ก็มีแต่นิดหน่อยไม่มากไม่มาย 
คืนสู้เหย้า ชาวสอาดเผดิมวิทยา
บรรยากาศของสอาดเผิดมวิทยา

อุ๊ย สมัยมัธยมต้น ห้อง ม.3/2  แซบคูณสองทั้งห้องค่ะ

ดาราหน้ากล้องของ หกทับสี่
เช้ามา ก็ตั้งใจลอกการบ้านกันทุกเช้าเลยนะ ห้อง ม.6/4

ภาพแห่งความรักของห้อง 6/4
สงขลานครินทร์ หาดใหญ่
เมื่ออายุครบ 18 ปี เป็นช่วงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากเลยในชีวิตของฉัน ต้องจากบ้านนาไปสู่เมืองกว้างใหญ่ เพื่อการศึกษาขั้นสูงในระดับปริญญาตรี แล้วจะไปเรียนคณะอะไรละเราโอ๊ะๆๆๆๆ เป็นช่วงเวลาที่เครียดๆๆๆที่สูด กลัวจะไม่มีที่เรียน ฮือๆๆๆๆๆ ในที่สุดสวรรค์เมตตาคนดี ให้ฉันสอบติด คณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (4 ปี) ดีใจสุดๆๆเลยค่ะ ได้มีที่เรียนเหมือนเพื่อนๆ  
 ลูกพระราชบิดาข้าภูมิใจ
ม. สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
พระราชบิดา
ดอกศรีตรัง สัญลักษณ์แห่งความเป็น มอ.
อ่างน้ำ มอ.  คิดเถิงที่สุดๆๆๆ
ความภาคภูมิใจในความเป็นชีววิทยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เวลาว่าง เราเฉ๊ะภาพกัน 
ไปออกภาคสนาม เราจะโชว์ฝีมือเชฟกะทะทองกัน 
ออกภาคสนามยามค่ำคืน ของ Lab Amphibian สนุกจิงๆ
ภูมิใจจริงในความเป็นวิดยา
เรียนรู้วัฒนธรรมของศาสนาอิสลาม คุณรู้จักใครบ้างในภาพนี้ อิอิ
คิดถึงพวกเธอจัง เด็ก Bio 37 
PSU BIOLOGY  37 (สวยถึกและบึกบึน)
กำลังหาอาหารกิน อิอิอิ กับ เพื่อนไซน์ รักแกนะ (โปรเจคค๊า)
นอกจากภาคสนามแล้ว เด็ก BIO ต้องเข้าห้อง LAB ด้วยจ้า (โปรเจค)
ความสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี(เรเร่แห่ง Bio 37)

Herpetology หญิงนุ้ย ไซน์ อาจารย์ลูกเกด นุด เรเร่
ครอบครัวของฉัน (บัณฑิตจารีพร ผลมูล)
ช่างกล้าเนอะ
  ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (แม่เปล่าพามาเที่ยว หนูมาเอง)
ครั้นอายุเวียนมาครบ 22 ปี รู้สึกว่าตนเองยังอ่อนประสบการณ์ จึงเกิดความคิดเรื่องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เพื่ออนาคตของตนเองที่สดใสในวันข้างหน้า มุ่งหน้าชวนเพื่อนสนิทไปสู่เมืองกรุง ณ มหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการทางการศึกษาและการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ นับว่าเป็นมหาลัยในฝัน ครั้งหนึ่งเคยมาสอบ แต่ต้องพบกับความผิดหวัง แต่วันนี้เขาให้โอกาสกับตัวฉันแล้ว ฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันให้เต็มที่และสุดกำลังที่มี 5555 อนาคตของฉันคือ เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพให้แก่เยาวชนของชาติต่อไปในภายภาคหน้า (สู้ๆๆๆจารีพร) 


ดีใจมากค่ะที่ มศว ให้โอกาสเรย์อีกครั้ง (อย่างกะนางสาวไทย) มากไปนะเรา ดีใจมากเลยที่ทำให้เรามาพบกันค่ะ ในสาขาวิชาวิทยาการทางการศึกษาและการจัดการเรียนรู้ นอกจากได้ความรู้แล้ว ยังคงมีสิ่งดีๆแอบแฝงอยู่ภายในตัวความรู้ นั้นคือ คำว่า มิตรภาพ ของเพื่อนๆทุกคนค่ะ 
สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า วกจ จ้า

รอยยิ้มอันสดใส


ท่าใครท่ามัน จัดเต็มคร้า


อารมณ์แบบว่า ดีใจที่จะขึ้นสู่ยอดดอย

วกจ วิทยาศาสตร์ (สวยค่ะ)


สำหรับการเรียนก็ล่วงมา 1 ภาคการศึกษาแล้วค่ะตอนนี้ เป็นอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนตนเองมากค่ะ         เพราะเรย์ได้เปลี่ยนเส้นทางเดินทางการศึกษา จากวิทยาศาสตร์ มาเป็น ศึกษาศาสตร์ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะเพราะทุกคนช่วยเหลือกันในการทำงาน สนุกมากค่ะ แม้งานหรือการบ้านจะมากเพียงไรก็ตามแต่ จารีพร ก็ไม่ยอมแพ้ และจะสู้ต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้าค่ะ (ปลอบใจตนเอง) สิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้เห็นชัดจากพัฒนาการของตนเองในทางที่ดีขึ้น คือ การกล้าแสดงออกต่อสาธารณชน หวังว่าในเทอมต่อๆไปการพัฒนาการของตนเองจะต้องดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ สู้ตายค่ะ สู้ไปด้วยกัน ชาว กศม แห่ง มศว อิอิอิ 


    สุดท้ายและท้ายสุด พ่อขอ 3 คำนะลูก ค่ะพ่อ

ขยัน มานะ อดทน

(ของเขาดีจริงๆนะ)


แล้วเรามาแลกเปลี่ยนข่าวสารกันอีกนะค่ะทุกคน 
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรเร่ วกจ วิทยาศาสตร์ค่ะ